วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วงจรชีวิตของผึ้ง


                                                    วงจรชีวิตของผึ้ง


ผึ้งเป็นสัตว์สังคมที่มีการจัดระเบียบและมีความสะอาดมาก ผึ้งไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นระยะเวลานาน โดยขาดความสัมพันธ์กับผึ้งวรรณะอื่นภายในสังคมเดียวกัน ผึ้งมีระบบสังคมมาเป็นเวลานานถึงกว่า 30 ล้านปี ผึ้งแต่ละรังเปรียบเสมือนหนึ่งครอบครัว ผึ้งที่เลี้ยงเป็นอุตสาหกรรมโดยทั่วไปนิยมเลี้ยงผึ้งพันธุ์ Apis mellifera  ซึ่งประกอบด้วย ผึ้ง 3 วรรณะ คือ
ผึ้งนางพญา (The Queen)
ผึ้งนางพญาจะมีขนาดใหญ่ เป็นลักษณะเด่นที่ แยกได้ง่ายกว่าผึ้งตัวผู้ และผึ้งงาน มีลำตัวยาวกว่าผึ้งตัวผู้และผึ้งงาน ปีกของผึ้งนางพญาจะมีขนาดสั้น เมื่อเทียบกับความยาวของลำตัว ส่วนท้องของผึ้งนางพญาจะค่อนข้างเรียวยาว มีลักษณะคล้ายกับตัวต่อ ผึ้งนางพญามีการเคลื่อนไหวค่อนข้างเชื่องช้า ปกติจะมีวงจรชีวิต 1-2 ปี แต่บางตัวอาจมีอายุนานถึง 5 ปี ผึ้งนางพญาได้กินนมผึ้งตั้งแต่เป็นตัวอ่อนอายุ 1 วัน และได้กินต่อไปจนตลอดชีวิต นี้เป็นจุดแตกต่างที่ผึ้งนางพญาต่างจากผึ้งงาน และผึ้งตัวผู้ มีการพัฒนาที่แตกต่างทั้งลักษณะทางกายภาพภายในภายนอกรวมไปถึงการทำหน้าที่ต่างกันด้วย ผึ้งนางพญามีหน้าที่ดังนี้
1. ผสมพันธุ์ ขยายพันธุ์ เมื่อายุได้ 3-5 วัน ก็จะออกไปผสมพันธุ์ โดยจะเลือกวันที่อากาศแจ่มใส และจะผสมพันธุ์กลางอากาศ ช่วงความสูงประมาณ 50-100 ฟุต การผสมพันธุ์ 1 ครั้งต่อตัวผู้
7-10 ตัว หรือบางครั้งอาจมากถึง 20 ตัวก็ได้ โดยมีระยะเวลาผสมพันธุ์ 10-30 นาที
2. วางไข่ได้ประมาณวันละ 1,500-2,000 ฟอง สามารถวางไข่ทุกวันได้ตลอดปี
3. ผึ้งนางพญาจะไม่มีการออกหาอาหาร ผึ้งนางพญาจะถูกห้อมล้อมด้วยผึ้งงาน โดยที่ผึ้งงานจะใช้หนวดแตะหรือใช้ลิ้นเลียตามตัวผึ้งนางพญา ผึ้งงานเหล่านี้ทำหน้าที่คอยให้อาหาร ทำความสะอาดและนำของเสียที่ผึ้งนางพญาขับถ่ายออกไปทิ้ง
ผึ้งตัวผู้ (The Drone)
มีขนาดใหญ่ ลำตัวอ้วนและสั้นกว่าผึ้งนางพญา ผึ้งตัวผู้ไม่มีเหล็กใน มีลิ้นสั้นมาก  หาอาหารเองไม่ได้ แต่จะรับอาหารจากผึ้งงาน หรือ ดูดกินน้ำหวานจากในรวงเท่านั้น ผึ้งตัวผู้จะเจริญมาจากไข่ที่ไม่ได้รับการผสม เมื่อตัวอ่อนของผึ้งตัวผู้โตเต็มที่ ผึ้งงานก็จะมาปิดฝาหลอดรวงด้วยไขผึ้ง ผึ้งตัวผู้ก็จะเข้าดักแด้อยู่ภายใน เมื่อครบกำหนดก็จะกัดไขผึ้งที่ปิดฝาออกมาเป็นตัวเต็มวัย อายุประมาณ 16 วัน พร้อมที่จะผสมพันธุ์ได้ ผึ้งตัวผู้มีหน้าที่ผสมพันธุ์อย่างเดียว เมื่อหมดฤดูผสมพันธุ์ ผึ้งตัวผู้ที่ยังไม่มีโอกาสผสมพันธุ์จะถูกผึ้งงานปล่อยให้อดตายด้วย เราจะพบผึ้งตัวผู้ปรากฎในรังเฉพาะช่วยฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น หลังจากผสมพันธุ์กับผึ้งนางพญาแล้ว ผึ้งตัวผู้จะตายทันที ปริมาณของผึ้งตัวผู้ภายในรังไม่แน่นอน อาจมีได้ตั้งแต่ศูนย์ถึงหลายพันตัวขึ้นกับฤดูกาล
ในการผสมพันธุ์พบว่า ผึ้งตัวผู้จากรังผึ้งต่าง ๆ ในปริมาณใกล้เคียงกันจะบินออกจากรังไปรวมกลุ่มกัน ณ สถานที่ซึ่งเรียกว่า ที่รวมกลุ่มของผึ้งตัวผู้ การผสมพันธุ์จะเกิดขึ้นภายในบริเวณนี้คือเมื่อมีผึ้งนางพญาสาวบินเข้ามาในบริเวณนี้ ผึ้งตัวผู้เป็นกลุ่มก็จะบินตอม ใช้เวลาประมาณ 3-5 วินาทีต่อผึ้งตัวผู้ 1 ตัว ในการผสมพันธุ์โดยเริ่มตั้งแต่ผึ้งตัวผู้บินติดตามนางพญาได้ทัน ก็จะใช้ขาเกาะติดกับนางพญาทางด้านหลัง แล้วก็จะออกแรงดันให้อวัยวะสืบพันธุ์ของผึ้งตัวผู้เข้าไปในอวัยวะสืบพันธุ์ของผึ้งนางพญาแล้วผึ้งตัวผู้นั้นก็จะตกลงมาตาย โดยที่อวัยวะสืบพันธุ์ยังหลุดติดคาอยู่ที่ผึ้งนางพญา ถ้าตัวผู้ตัวไหนยังไม่ได้ผสมพันธุ์ในวันนั้นจะบินกลับรัง เพื่อรอโอกาสในวันต่อไป ถ้าหมดฤดูผสมพันธุ์ผึ้งตัวผู้ที่ยังไม่ได้ผสมพันธุ์ก็มักจะถูกไล่ออกจากรัง หรือผึ้งงานจะหยุดป้อนอาหารและตายไปในที่สุด
ผึ้งงาน (The Worker)
เป็นผึ้งเพศเมีย มีขนาดเล็กที่สุด เนื่องจากในระยะที่เป็นตัวอ่อนได้รับ อาหารพิเศษ คือ  นมผึ้ง หรือ รอยัลเยลลี (royal jelly) เพียง 3 วัน หลังจากนั้นตัวอ่อนผึ้งงานที่มีอายุมากขึ้นจะได้กินแต่เกสรและน้ำผึ้ง ผึ้งงานจึงมีอายุสั้นเพียง 6-8 สัปดาห์ เท่านั้น  ผึ้งงานมีหน้าที่หลัก เช่น ทำความสะอาดรัง เลี้ยงดู ป้อนอาหารให้ผึ้งตัวอ่อน สร้างและซ่อมแซมรัง เป็นทหารเฝ้ารัง ป้องกันศัตรูและหาอาหาร ผึ้งงานต้องรับภาระดังกล่าวเท่ากันทุกตัว ไม่มีการเอาเปรียบแก่งแย่งกันหรือหลบงานเลย ทุกตัวรับผิดชอบงานของตนเองโดยไม่มีใครบังคับ ผึ้งงานจะมีอวัยวะพิเศษหลายอย่าง เพื่อที่จะปฏิบัติงานสำคัญ ๆ ภายในรังไข่ เช่น มีต่อมไขผึ้ง ตะกร้อเก็บเกสร ต่อมกลิ่น
ที่กล่าวมาข้างตนจะเห็นว่าผึ้งนั้นเป็นสัตว์ที่มีระบบการดำเนินชีวิตที่น่าสนใจมาก เป็นระบบระเบียบมีความสะอาด และมีการเลือกสรรแต่สิ่งที่ดีมีคุณค่าเท่านั้น มีการแบ่งหน้าที่การทำงานอย่างชัดเจน  และยังมีการติดต่อสื่อสารกันภายในสังคมของผึ้ง ซึ่งเป็นผลการทำงานจาก อวัยวะพิเศษของผึ้ง ทำให้สังคมผึ้งนั้นสามารถดำรงอยู่ได้เป็น วงจรชีวิตของผึ้ง นั่นเอง

ผลิตภันจากผึ้ง

                                                                  ผลิตภันจากผึ้ง

ผึ้งเป็นแมลงที่มีประโยชน์แก่มนุษย์  ทั้งในด้านช่วยเพิ่มผลิตผลของพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะการผสมให้ผลไม้  ผลไม้ในประเทศไทยที่ผึ้งสามารถผสมเกสรได้ดี คือ ลำไย ลิ้นจี่ เงาะ มะม่วง ทุเรียน ชมพู่ ส้ม และมะนาว เป็นต้นนอกจากนี้  ผึ้งยังเป็นแมลงที่ช่วยผสมเกสรพืชตระกูลแตง เช่น แตงโม แตงกวา แตงไทย โดย เฉพาะแตงน้ำผึ้ง (honey dew) หรือแตงต่างประเทศที่ราคาแพงนั้นเหมาะสมมากที่จะใช้ผึ้งช่วยผลิตเมล็ดพันธุ์ในระดับอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ของผึ้ง ที่คุณค่าทางเศรษฐกิจ ได้แก่ น้ำผึ้ง เกสร ไขผึ้ง นมผึ้ง พรอพอลิส และพิษของผึ้ง  ส่วนการเลี้ยงผึ้งโพรงไทยได้ผลิตผล เพียง ๓ ชนิดเท่านั้น คือ น้ำผึ้ง เกสร และไขผึ้ง นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ได้จาก ผึ้งโพรงฝรั่งอีก คือ นมผึ้ง และพรอพอลิส

ภาพผึ้งต่างๆ

                                                                                                                      

การเลี้ยงผึ้งพันธุ์

                                                                  การเลี้ยงผึ้งพันธุ์
        การเลี้ยงผึ้งสำหรับผู้ที่ต้องการเลี้ยงผึ้งรายใหม่  หรือมีแนวคิดที่จะเลี้ยงผึ้งพันธุ์ตั้งแต่ 2-5 รังขึ้นไป  เพราะการเลี้ยงที่เริ่มจากรังเดียวจะมีข้อเสี่ยงอยู่หลายประการ  ในบางครั้งที่เกิดกรณีนางพญาผึ้งหายหรือตายจากรังไปแล้ว  หานางพญาใหม่ที่ผสมหรือวางไข่แล้วมาชดเชยไม่ทัน  จะก่อให้เกิดความยุ่งยากและสูญเสียขึ้นได้  ทำให้ผู้เลี้ยงเกิดความท้อใจ  สูญเสียกำลังใจในการดำเนินการ  นอกจากนั้นในกรณีที่ต้องการขยายหรือเพิ่มจำนวนรังก็จะทำได้ล่าช้า  ถ้ามีผึ้ง 2-5 รัง  หากเกิดปัญหารังใดรังหนึ่งสูญเสียนางพญาไป  เราก็สามารถเอาไปรวมกับรังอื่นที่เหลือได้
                สิ่งที่ต้องเตรียมในการเลี้ยงผึ้ง(1)    สถานที่  ที่จะวางรังผึ้ง  ควรจะอยู่ในที่ที่ร่มรื่นแสงไม่ทึบเกินไปนัก  แสงสว่างสาดส่องรำไร  ลมไม่พัดแรง (ไม่อยู่ในทางลม)  มีอาหารของผึ้งอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้น (อาจเป็นต้นมะพร้าวที่ออกจั่นแล้ว  ถ้าเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้ลำธารมีแหล่งน้ำใสไหลเย็นก็ยิ่งดี)  ตั้งอยู่ในสถานที่ที่ผู้เลี้ยงมีเวลาที่จะไปดูแลได้โดยสะดวกในที่ที่ไม่มีอะไรมารบกวนผึ้งมากนัก  บริเวณที่ตั้งรังควรเป็นบริเวณที่มีแสงแดดอ่อนในตอนเช้าส่องเข้ามาถึงทางด้านหน้ารัง (ถ้าสามารถเลือกทิศทางได้)  หน้ารังควรจะหันไปทางทิศตะวันออก  และไม่ใกล้กับบริเวณที่ที่มีไฟฟ้าหรือแสงไฟที่ต้องจุดไว้ในเวลากลางคืนตลอดคืน  เพราะถ้าผึ้งเห็นแสงไฟ  โดยเฉพาะแสงไฟนีออนสีฟ้าแล้ว  ผึ้งจะชอบมาเล่นไฟในตอนกลางคืนทำให้เสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์  ผึ้งไม่มีเวลาพักทำให้อายุของผึ้งงานสั้นลง  เมื่อเลือกสถานที่หรือทำเลได้แล้ว  ให้เตรียมขาตั้งรังผึ้งไปปักหรือตั้งเตรียมไว้ก่อนตั้งขารังให้แน่นมั่นคง  บริเวณที่ตั้งรังควรได้รับการถางหญ้า  และวัชพืชให้เรียบร้อย  ตั้งรังบนขาให้มีความสูงจากพื้นดินประมาณ 1 ศอก  การตอกขารังผึ้งควรให้หลักคู่หน้าซึ่งเป็นด้านประตูเข้าออกของรังอยู่ต่ำจากระดับของขาตั้งรังคู่หลัง  เพื่อกันไม่ให้มีมดเข้าไปรบกวนผึ้งในรัง  และใช้น้ำมันเครื่องเก่าๆทารอบๆขาตั้ง(2)    อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมีในการเลี้ยงผึ้งในระยะแรกๆ  ประกอบด้วย  ตัวกล่องรังผึ้งพร้อมคอนและแผ่นเทียม  รวมทั้งฝารังและฐานรัง  เครื่องพ่นควันสยบผึ้ง  เหล็กงัดรังผึ้ง  ชุดกันผึ้งต่อย  เช่น  หมวก  ตาข่าย  ถุงมือ  เป็นต้น  สำหรับอุปกรณ์ของกล่องหรือตัวรังผึ้งและคอนผึ้งควรจะเตรียมเผื่อไว้ให้มากกว่าจำนวนรังที่เราเริ่มเลี้ยง  เพราะเวลาจะแยกรัง  เสริมรัง  จะได้ไม่ขาดช่วงตอน  รอคอยอุปกรณ์  เพราะการเลี้ยงผึ้งจะต้องมีความต่อเนื่องและเตรียมการไว้ล่วงหน้าให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา  เพราะการเตรียมทุกอย่างให้ทันต่อเวลาเป็นหัวใจสำคัญของการเลี้ยงผึ้ง-       รังเลี้ยงผึ้งแบบไต้หวัน  เป็นลักษณะตัวรังเลี้ยงผึ้งที่ติดกันทั้งหมด  ยกเว้นฝาด้านบนที่เปิดจัดการรังผึ้งได้  ตัวรังผึ้งควรมีช่องระบายอากาศ  สามารถปิด-เปิดได้สะดวกในเวลาขนย้ายรังผึ้ง  จึงเหมาะสมสำหรับผู้เลี้ยงผึ้งที่ต้องการความสะดวกสบายในการจัดการรังผึ้ง-       คอนหรือเฟรม  เป็นที่สำหรับผึ้งสร้างรวงผึ้ง  ประกอบด้วยไม้ 4 ชิ้น  ไม้ชิ้นบนเป็นตัวคอนบนซึ่งจะวางทาบอยู่กับขอบรังที่เราบากไว้-       แผ่นฐานรวงหรือแผ่นรังเทียม  เป็นแผ่นไขผึ้งแท้ปั๊มเป็นรอยฐานหกเหลี่ยมสำหรับเป็นฐานให้ผึ้งงานได้สร้างหลอดและรวงรังผึ้งให้รวดเร็วขึ้น  ประหยัดพลังงานของผึ้ง  ปัจจุบันสามารถหาซื้อได้สะดวกเป็นแบบมาตรฐาน  ปริมาณการใช้แผ่นรังเทียมขึ้นกับความต้องการของผึ้ง  ภายในเฟรมจะขึงลวดขนาดเล็กไว้ 4 เส้น  สำหรับยึดแผ่นรังเทียม  แผ่นรังเทียมเป็นส่วนที่อัดเป็นลายหกเหลี่ยมขนาดเท่ากับขนาดของฐานรังผึ้ง  เพื่อล่อให้ผึ้งสร้างหลอดรังสร้างรวงผึ้งเป็นแนวตรงและมีระเบียบ  ดอกลายของฐานรังจะต้องได้มาตรฐาน  โดยผึ้งโพรงและผึ้งพันธุ์จะมีขนาดต่างกัน  ผึ้งพันธุ์จะมีขนาดใหญ่กว่าของผึ้งโพรง  -       ขาตั้งรังผึ้ง  ประกอบด้วยไม้เนื้อแข็ง 4 ชิ้นหรือไม้ไผ่ 4 อัน  ยาวประมาณ 30-80 เซนติเมตร  ปลายด้านหนึ่งแหลมสำหรับตอกไปในดิน  มีไว้สำหรับตั้งรังผึ้ง  เนื่องจากสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง  และมีมดมาก  การตั้งรังบนพื้นดินนั้นอาจเกิดปัญหาได้  และควรทาด้วยน้ำมันเครื่องรอบขาตั้ง  สำหรับกันไม่ให้มดขึ้นไปรบกวนผึ้งในรัง-       เครื่องมือพ่นควันสยบผึ้ง  เป็นเครื่องมือสำคัญที่นักเลี้ยงผึ้งทุกคนต้องมีและนำไปใช้ทุกครั้ง  เวลาทำงานอยู่กับรังผึ้ง  วัสดุที่ใช้เผาให้เกิดควันนิยมใช้ใบไม้ใบหญ้าแห้งๆ  หรือกาบมะพร้าวแห้งก็ได้  เวลาเผาถ้ามีเปลือกส้มแห้งๆให้ใส่เข้าไปด้วย  จะทำให้ควันมีกลิ่นดีขึ้น  เนื่องจากผึ้งไม่ชอบควันที่มีกลิ่นเหม็น-       เหล็กงัดรัง  เป็นแผ่นเหล็กแบนยาวประมาณ 6-8 นิ้ว  ปลายด้านหนึ่งแบนกว้างประมาณ 1 นิ้วครึ่ง  ใช้สำหรับแซะฝารังเวลาเราเปิดรังผึ้งและใช้ขูดยางเหนียวๆที่ติดตามขอบรัง  และคอน  ตรงกลางของเหล็กงัดควรทำให้คอดลงมาเล็กน้อยให้เหมาะกับอุ้งมือ  ปลายอีกด้านหนึ่งจะงอลงประมาณ ¼ นิ้ว  ใช้สำหรับงัดแยกแต่งคอนที่ติดกันให้หลุดจากกันทำให้ยกคอนขึ้นตรวจเช็คได้ง่าย  เหล็กงัดรังนี้จะต้องถือติดอยู่ในฝ่ามือตลอดเวลาที่ทำงานตรวจรังผึ้ง-          หมวกตาข่ายสำหรับกันผึ้งต่อยหน้า  เพื่อการสวมคลุมบริเวณใบหน้า-       ถุงมือ  เป็นถุงมือที่มีขนาดความเหนียวและความหนาพอที่จะกันผึ้งต่อยบริเวณมือและนิ้ว  ทำด้วยหนังหรือผ้าที่มีความหนาพอสมควร  ถ้าหนามากเกินไปจะปฏิบัติงานยากและแยกตรวจคอนผึ้งไม่สะดวก  -       ชุดเสื้อผ้าที่สวมใส่เวลาทำงาน  ส่วนใหญ่เป็นชุดหมีสีขาวแขนยาวรัดข้อมือและข้อเท้า  ทำด้วยผ้าหนาๆกันผึ้งต่อย  หากไม่มีชุดดังกล่าว  อาจดัดแปลงใช้ชุดแขนยาว-ขายาวธรรมดา  แต่มีเนื้อผ้าหนาๆหน่อยก็พอใช้ได้  ส่วนรองเท้าเป็นรองเท้าหุ้มข้อหรือรองเท้าบู๊ทจะดีที่สุด  จะได้รวบปลายขากางเกงไว้กับรองเท้าได้  ข้อสำคัญคือต้องไม่ให้ผึ้งเข้าไปต่อยในบริเวณข้างในกางเกงได้  เพราะเวลาผึ้งต่อยบริเวณข้อเท้าจะบวมไปหลายวัน  และมีอาการเจ็บปวดมากกว่าบริเวณมือ-       อุปกรณ์สลัดน้ำผึ้งออกจากรวงรัง  ประกอบด้วย  แปรงปัดผึ้ง  ถังเหวี่ยง(สลัด)น้ำผึ้ง  มีดไฟฟ้า (อาจใช้มีดธรรมดาแช่น้ำร้อน)  ตะแกรงกรองน้ำผึ้ง  และถังเก็บน้ำผึ้ง-       อุปกรณ์อื่นๆ  อุปกรณ์ที่ควรมีตลอดเวลาในการเข้าไปปฏิบัติงานในการเลี้ยงผึ้ง  คือ  กล่องเครื่องมือต่างๆ  ที่สามารถใช้ได้ทันทีในเวลาที่ต้องการ  ในกล่องควรมีค้อน  คีม  ตะปู  เลื่อย  ลวด  มีดถากไม้  มีดพับคมๆ  มีดบาง (หรือมีดตัดโฟม)  กรรไกรเล็กๆ  กรรไกรตัดลวด  กล่องขังนางพญา  ยาหม่อง  เป็นต้น      (3)    วัสดุอื่นที่จำเป็นต้องใช้ในการเลี้ยงผึ้งพันธุ์  ในการเลี้ยงผึ้งพันธุ์นั้น  นอกจากจะมีผึ้งและอุปกรณ์การเลี้ยงผึ้งที่กล่าวไว้ข้างต้น  ยังมีวัสดุอื่นๆที่ต้องเตรียมไว้ในการเลี้ยงผึ้ง  เช่น  น้ำตาลทราย  สำหรับเลี้ยงในช่วงที่น้ำหวานดอกไม้ธรรมชาติขาดแคลน  วัสดุประเภทเกสรเทียม  ยากำจัดโรคและศัตรูผึ้ง  เป็นต้น  

การดูแลผึ้งโพรง

                                                       การดูแลผึ้งโพรง
การเกษตรเรื่องการเลี้ยงดูผึ้งโพรง
การจัดการดูแลถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการเลี้ยงผึ้งเพราะเกษตรกรต้องทำความเข้าใจนิสัยใจคอและพฤติกรรมของผึ้ง และปฎิบัติต่อผึ้งอย่างถูกวิธีซึ่งการจัดการดูแลผึ้งโพรงก็มีวิธีดังต่อไปนี้

  • การเลือกทำเลสำหรับตั้งรังผึ้ง เกษตรกรควรทำการแยกตัวรับผึ้งเป็นกลุ่ม ๆ ละประมาณ 30-50 รัง การตั้งรังผึ้งควรอยู่ห่างจากที่อยู่อาศัยไกลบ้านเรือนเพื่อป้องกันอันตรายและต้องเป็นพื้นที่ร่มเย็นชุ่มชื้นใกล้แหล่งน้ำและแหล่งอาหาร เช่น สวนดอกไม้ สวนผลไม้ หรือตามป่าที่มีดอกไม้ต้นไม้ที่มีน้ำหวานขึ้นมาก ข้อควรระวังคือ การตั้งรังผึ้งต้องไม่ตั้งในที่ ๆ มีลมโกรก บริเวณที่แห้งแล้ง และบริเวณที่มีแสงไฟ เพราะจะทำให้ผึ้งออกมาเล่นไฟและตายในที่สุด
  • แหล่งอาหารผึ้ง คือ เกสรดอกไม้ และน้ำหวาน นอกจาก 2 อย่างนี้แล้วเกษตรกรควรหาน้ำสะอาดไว้ให้ผึ้งกินด้วย เพราะผึ้งจะนำน้ำไปเจือจากน้ำผึ้งสำหรับเลี้ยงตัวอ่อนและยังช่วยในการละลายความร้อนในรังผึ้ง อีกทั้งยังช่วยรักษาความสมดุลและความชื้นภายในรวงรังในการช่วยให้ไข่ฟักออกเป็นตัวหนอน (ในกรณีที่สถานที่เลี้ยงไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ) ข้อควรระวังคือ ในช่วงฤดูร้อนเกษตรกรจะต้องหมั่นดูแลน้ำผึ้งอย่าให้แห้ง
  • การให้น้ำหวานผึ้ง หากเกษตรกรนำผึ้งจากสถานที่อื่นมาเลี้ยง หากสถานที่นั้นเคยมีการเลี้ยงผึ้งอยู่บ้างแล้ว เกษตรกรควรนำหีบผึ้งใหม่ไปวางให้ห่างจากหีบเลี้ยงที่อยู่เดิม ระยะแรกของการเลี้ยงเกษตรกรควรนำน้ำเชื่อมให้ผึ้งกิน โดยให้เกษตรกรสังเกตดูที่รวงผึ้งว่ามีปริมาณน้ำผึ้งมากน้อยเพียงใด หากแหล่งอาหารทางธรรมชาติไม่เพียงพอ ถ้าคอนด้านบนส่วนที่เป็นน้ำผึ้งไม่มีน้ำหวานหรือมีน้ำหวานน้อยให้เกษตรกรทำการเติมน้ำหวานลงไปในรวงผึ้ง โดยให้มีอัตราส่วนประมาณ น้ำหวานต่อน้ำสะอาด (1:1) น้ำทั้งสองอย่าผสมให้เข้ากันจากนั้นนำไปต้มให้เดือดพักไว้ให้เย็นสนิท จากนั้นนำน้ำหวานที่ได้ใส่ลงในถ้วยพลาสติกแล้วนำจานที่มีขนาดใหญ่กว่าปิดถ้วยแล้วนำถ้วนคว่ำลงน้ำหวานจะค่อย ๆ ซึงออกมา จากนั้นให้เกษตรกรนำไปวางไว้ในหีบที่เลี้ยงผึ้ง
  • การตรวจดูภายในรังผึ้ง เกษตรกรควรทำการตรวจดูรังผึ้งในช่วงเช้าหรือช่วงเย็น ทุก ๆ 7-10 วันต่อครั้ง โดยทำการตรวจดูความสมบูรณ์แข็งแรงของผึ้ง ทำความสะอาดหน้ารังผึ้งไม่ให้มีฝุ่นหรือเศษขยะและตรวจดูแมลง จำพวก มด คางคก

การผลิตนางพญาผึ้งโพรงไทย

                                                 การผลิตนางพญาผึ้งโพรงไทย

การเพิ่มจำนวนรังผึ้งเพื่อขยายกิจการการเลี้ยงผึ้งนั้น   เราจำเป็นจะต้องมีผึ้งนางพญาที่มีคุณภาพดีจำนวนมาก เพื่อให้เป็นแม่รังใหม่หรือใช้เปลี่ยนแม่รังเดิมที่มีประสิทธิภาพการวางไข่ต่ำ  ตลอดจนใช้ทดแทนให้กับรังของแม่รังเก่าในกรณีที่เราจับผึ้งมาเลี้ยง หรือนางพญาสูญหายไป  ซึ่งตามสภาพธรรมชาตินั้น การเกิดของนางพญาตัวใหม่จะเกิดได้เพียง ๓ กรณี คือ

         
๑. ผึ้งนางพญาเก่าตาย หรือสูญหายไปอย่างกระทันหัน
          ๒. ผึ้งนางพญาตัวเดิมแก่เกินไป  ประสิทธิภาพในการวางไข่ต่ำ
          ๓. สภาพของรังแข็งแรง สมบูรณ์เต็มที่ผึ้งต้องการแยกรังใหม่

การเพิ่มจำนวนรังผึ้งเพื่อขยายกิจการการเลี้ยงผึ้งนั้น   เราจำเป็นจะต้องมีผึ้งนางพญาที่มีคุณภาพดีจำนวนมาก เพื่อให้เป็นแม่รังใหม่หรือใช้เปลี่ยนแม่รังเดิมที่มีประสิทธิภาพการวางไข่ต่ำ  ตลอดจนใช้ทดแทนให้กับรังของแม่รังเก่าในกรณีที่เราจับผึ้งมาเลี้ยง หรือนางพญาสูญหายไป  ซึ่งตามสภาพธรรมชาตินั้น การเกิดของนางพญาตัวใหม่จะเกิดได้เพียง ๓ กรณี คือ

         
๑. ผึ้งนางพญาเก่าตาย หรือสูญหายไปอย่างกระทันหัน
          ๒. ผึ้งนางพญาตัวเดิมแก่เกินไป  ประสิทธิภาพในการวางไข่ต่ำ
          ๓. สภาพของรังแข็งแรง สมบูรณ์เต็มที่ผึ้งต้องการแยกรังใหม่



วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555






พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร



เพลง


พลังงานทดแทน...พลังแห่งสายพระเนตร

ในปี พ.ศ.๒๕๑๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้นำแกลบที่ได้จากการสีข้าวของโรงสีข้าวตัวอย่างจากสวนจิตรลดา มาใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงดิน และนำมาทำเป็นเชื้อเพลิงแท่ง จึงมีการจัดสร้างโรงบดแกลบขึ้นภายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา การดำเนินงานในขั้นแรกเป็นการนำแกลบผสมปูนมาร์ลและปุ๋ยเคมี เพื่อใช้ในการปรับปรุงดิน ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๒๓ โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาจัดซื้อเครื่องอัดแกลบให้เป็นแท่ง เพื่อนใช้แทนเชื้อเพลิงชนิดอื่น รวมทั้งจำหน่ายแก่บุคคลภายนอกโครงการแกลบอัดแท่งยังคงมีการทดลองและพัฒนาขั้นตอนการผลิตตามพระราชดำริอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นในปี พ.ศ.๒๕๒๘ มีพระราชดำริให้ทดลองอัดแกลบผสมผักตบชวา เพื่อทดลองนำผักตบชวาที่เป็นวัชพืชตามแหล่งน้ำมาทำเป็นเชื้อเพลิงแท่ง



เศรษฐกิจพอเพียง ... หนทางสู่การพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืน

"เศรษฐกิจพอเพียง" เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๒๕ ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจและเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ

ความเป็นมาของโครงการในพระราชดำริ

โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้นได้รับการริเริ่มขึ้นตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติได้ไม่นาน โดยงานสังคมสงเคราะห์ส่วนใหญ่จะเป็นพระราชดำรัสด้านการแพทย์ที่พระราชทานความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้าในระยะแรกนั้นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีลักษณะการดำเนินการศึกษาค้นคว้าและทดลองเป็นการส่วนพระองค์ เพื่อเตรียมพระองค์ด้านข้อมูลและความรู้ที่จะทรงนำไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาและเผยแพร่วิทยาการสู่เกษตรกร โดยเริ่มโครงการจากในเขตพื้นที่รอบๆ ที่ประทับในส่วนภูมิภาคก่อน จากนั้นจึงขยายขอบเขตออกไปสู่พื้นที่เกษตรกรรมที่กว้างขึ้น


 





การเลี้ยงผึ้ง




การเลี้ยงผึ้ง

วัสดุ/อุปกรณ์ คอนประกอบด้วยลังเลี้ยง ทำจากไม้เนื้อแข็งขนาด 27x45x21 ซ.ม. ที่เกาะรวงผึ้งประกอบด้วย ไม้รูปสี่เหลี่ยม ขนาด 21x24x3 ซ.ม. ภายในขึงด้วยลวด 4-5 เส้น

วิธีดำเนินการ
1. สภาพพื้นที่ต้องมีแหล่งที่มีอาหารเพียงพอ เช่น สวนมะพร้าวที่มีจั่นออกดอกตลอดปี รวมทั้งมีน้ำหวานจากไม้ผลที่ออกดอกตามฤดูกาลและจากวัชพืชต่างๆ
2.แหล่งของผึ้งที่จะนำมาเลี้ยงมาจากแหล่งต่างๆดังนี้

                                                                            
จากธรรมชาติ
 โดยการทำรังล่อไปวางไว้ในแหล่งที่มีผึ้งและเป็นที่ร่มรื่นใกล้แหล่งอาหาร ด้วยการปักเสาหลักสูงประมาณ 1 เมตร เพื่อวางรังล่อโดยทาฝารังด้านในด้วยไขผึ้งหลังจากมีผึ้งเข้ามาอาศัย จึงเคลื่อนย้ายไปยังลานเลี้ยงต่อไป
จากแหล่งเลี้ยงผึ้ง

ผึ้งที่ซื้อมาเลี้ยงควรเป็นผื้งที่มีความสมบูรณ์สูง และมีครบทุกวัยทำงาน มีปริมาณเกสรน้ำผึ้งมาก นางพญาวางไข่ดี

จับผึ้งป่ามาเลี้ยง
 1. จัดมาเลี้ยงในคอน โดยเลี้ยงในพื้นที่เดิม 2-3 วัน แล้วเคลื่อนย้ายไปสถานที่ต้องการใน เวลากลางคืน
2. การเพิ่มจำนวนของผึ้งในแต่ละรัง ต้องคัดเลือกนางพญาผึ้งให้มีการวางไข่ได้อย่างสม่ำเสมอมีการตัดแต่งรัง การรวมรัง และการขยายวงจรในการวางไข่
3. เพิ่มความแข็งแรงและความสมบูรณ์ให้กับรังด้วยการให้อาหารเสริมในช่วงที่ผึ้งขาดแคลนอาหาร บางครั้งจะต้องเคลื่อนย้ายรังไปยังแหล่งที่มีอาหารสมบูรณ์ เช่น สวนมะพร้าวหรือมะม่วงที่กำลังออกดอก
4. การเก็บน้ำผึ้งจากคอน ให้สังเกตดูที่ส่วนบนของคอน ถ้าพบว่ามีสีขาวขุ่นแสดงว่ามีน้ำผึ้งอยู่ภายใน ใช้มีดกรีดรวงผึ้งเป็นรูปตัวยูแล้วเลือกส่วนบนที่ติดกับสันคอนออก นำไปใส่ผ้ากรองที่มีถังรองรับ คอนฝึ้งที่ถูกตัดน้ำผื้งออก ให้นำกลับไปเลี้ยงตามเดิม หลังจากนั้นผึ้งก็จะสร้างรวงขึ้นมาใหม่ภายใน 1-2 เดือนค่ะ

วัสดุและอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการเลี้ยงผึ้ง
-ชุดหีบเลี้ยงผึ้งโพรงไทย
-แผ่นฐานรวง
-เหล็กงัดรังผึ้ง
-กระป๋องรมควัน
-อุปกรณ์สลัดน้ำผึ้งออกจากรวง

การเก็บน้ำผึ้ง







การเก็บน้ำผึ้ง
   การเก็บน้ำผึ้งออกจากรังทำได้โดยการสลัดน้ำผึ้ง ขั้นตอนในการสลัดน้ำผึ้งออกจากรัง มีดังนี้
          ๑. ยกคอนที่มีน้ำผึ้งมากและมีตัวอ่อนของผึ้งน้อยหรือไม่มีเลย  เขย่าคอนให้ผึ้งหลุดจากคอนจนหมด
          ๒. ใช้มีดบางแช่น้ำร้อนปาดแผ่นไขผึ้งที่ปิดหลอดรวงน้ำผึ้งในคอนออกให้หมด
          ๓. นำไปใส่ในถังสลัดน้ำผึ้ง  ถ้าไม่มีถังสลัดอาจทำได้โดยนำตะแกรงลวดห่างๆ มาประกบติดคอนน้ำผึ้งทั้งสองด้านก่อนที่จะสลัด แล้วนำภาชนะที่มีขนาดโตกว่าคอนผึ้งมาไว้รองรับน้ำผึ้งยกคอนขึ้นในแนวระดับแล้วสลัดอย่างแรงให้น้ำผึ้งตกลงในภาชนะ จากนั้นนำน้ำผึ้งที่ได้ไปกรองด้วยผ้าขาวบาง ตั้งทิ้งไว้ให้ฟองอากาศลอยขึ้นแล้วจึงบรรจุใส่ขวดปิดฝาให้สนิท
 สำหรับรวงผึ้งที่สลัดน้ำผึ้งออกแล้วสามารถนำกลับไปใช้ได้อี


การคัดเลือกรังผึ้ง


          หลักในการคัดเลือกรังผึ้ง จะต้องเป็นรังผึ้งที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
          ๑. มีผึ้งนางพญาที่มีอายุน้อย มีประสิทธิภาพการวางไข่สูง และอายุการวางไข่นาน
          ๒. มีผึ้งงานที่ขยันหาอาหารทั้งน้ำหวานและเกสร
          ๓. มีผึ้งที่ไม่ดุ
          ๔. มีผึ้งที่ปรับตัวเข้าสภาพแวดล้อมได้ดีไม่หนีรังง่าย
          ๕. มีผึ้งที่มีความต้านทานต่อโรคและศัตรูได้ดี

123

123